สำหรับ iPhone 13 Pro Max ก็ได้เปิดตัวพร้อมวางจำหน่ายมาได้ราวๆ 2-3 เดือน ซึ่งก็นับว่าได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก แต่ก็คงมาหลายท่านที่ยังคงสงสัยว่ารุ่นนี้นั้นแตกต่างกัน 12 Pro Max อย่างไรกันบ้าง วันนี้ทางทีมงาน Tech This Time จะพาทุกท่านไปชมภาพตัวเครื่องมุมต่างๆ ว่าทั้ง 2 รุ่นนี้แตกต่างกันอย่างไร หากพร้อมกันแล้ว รับชมกันได้เลย
หน้าจอแสดงผลของ iPhone 13 Pro Max กับ 12 Pro Max
ในเรื่องของหน้าจอแสดงผลของทั้งสองรุ่นจะเป็นแบบ Ceramic Shield เหมือนกัน พร้อมด้วยขนาด 6.7 นิ้ว แต่ในสิ่งที่แตกต่างกันคือ รุ่น 13 Pro Max จะใช้หน้าจอแบบ Super Retina XDR เทคโนโลยีพร้อม ProMotion ที่มีอัตราการดึงข้อมูลใหม่แบบปรับได้สูงสุดที่ 120Hz สำหรับรุ่น 12 Pro Max จะไม่รองรับเทคโนโลยีพร้อม ProMotion
อีกหนึ่งสิ่งที่จำแนกความแตกต่างได้อย่างชัดเจนคือ รอยบากบนหน้าจอ โดย ไอโฟน 13 Pro Max จะมีขนาดรอยบากที่เล็กกว่า ซึ่งสังเกตได้จากภาพด้านบน
นอกจากนี้ ด้านหน้าส่วนล่างก็จะไม่มีปุ่มโฮมทั้ง 2 รุ่น ซึ่งจะใช้เป็นระบบสแกนใบหน้าแทน ซึ่งทางแอปเปิ้ลเครมว่าการสแกนใบหน้านั้นค่อนข้างแม่นยำมั่นใจได้
ด้านข้างเครื่อง
ด้านขวาของเครื่องนั้นไม่มีความแตกต่างกันแต่อย่างใด และมีการวางตำแหน่งของปุ่มเปิด-ปิด เครื่อง หรือล็อกหน้าจอเอาไว้ในจุดเดียวกัน
ส่วนด้านซ้ายของเครื่องก็จะมีการวางตำแหน่งต่างๆ เหมือนกัน ทั้งปุ่มเปิดระบบสั่น, ปุ่มเพิ่ม-ลด เสียง ส่วนถาดซิมการ์ดจะขยับห่างออกไกลกว่าสำหรับรุ่น 13 Pro Max
ด้านช่างของเครื่องก็วางตำแหน่งของลำโพงเสียงภายนอก, ช่องชาร์จแบตเตอรี่ และไมโครโฟน อยู่ในจุดเดียวกันทั้ง 2 รุ่น ไม่เพียงแค่นั้น รอบๆ ตัวเครื่องก็ใช้วัสดุสแตนเลสสตีลเกรดเดียวกับที่ใช้ทำเครื่องมือศัลยกรรมเหมือนกัน
กล้องดิจิทัลด้านหลัง
สำหรับเลนส์กล้องดิจิทัลด้านหล้งภายนอกจะแตกต่างกันอย่างชัดเจน ซึ่งจะสังเกตได้จากภาพว่าตัวเลนส์กล้องของ 13 Pro Max มีขนาดใหญ่กว่ามาก
และสามารถถ่ายโหมดภาพยนตร์ ความละเอียด 1080p ที่ 30 fps พร้อมทั้งบันทึกวิดีโอ ProRes สูงสุด 4K ที่ 30 fps ได้ ในรุ่น 12 Pro Max ไม่สามารถทำได้
สรุปส่งท้าย
เป็นอย่างไนกันบ้างครับ สำหรับบทความเปรียบเทียบดีไซน์ภายนอกของไอโฟนทั้ง 2 รุ่น ซึ่งทางดราก็หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ทุกท่านจำแนกไอโฟนทั้ง 2 รุ่นได้อย่างชัดเจนมากขึ้น และน่าจขะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยในการตัดสินใจเลือกซื้อในอนาคต สำหรับวันนี้ต้องขอลาไปก่อน พบกันได้ใหม่โอกาหน้า สวัสดีครับ
นำเสนอโดย : TechThisTime
ที่มา : Apple
