ค่ำคืนวันที่ 18 ตุลาคม เวลาเที่ยงคืนทาง Apple ก็ได้มี Event ใหม่ ด้วยการเปิดตัว AirPods 3, HomePod mini และ MacBook Pro ชิป M1 รุ่นใหม่ ซึ่งชิปเซ็ตตัวใหม่ที่จะอยู่ใน MacBook Pro นั้น คือ M1 Pro กับ M1 Max และมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิมหลายเท่า
AirPods 3
AirPods (รุ่นที่ 3) พัฒนาขึ้นจากคุณภาพเสียงอันยอดเยี่ยม โดยเริ่มจากไดรเวอร์แบบเฉพาะและตัวขยายสัญญาณที่มีช่วงไดนามิกสูงที่ทำงานร่วมกันเพื่อถ่ายทอดเสียงเบสอันทรงพลังพร้อมด้วยเสียงสูงที่คมชัดและใสสะอาด
ไมโครโฟนหุ้มด้วยผ้าตาข่ายอะคูสติกเพื่อช่วยลดเสียงรบกวนจากลม เสียงของผู้พูดจึงดังชัดเจนระหว่างคุยโทรศัพท์ AirPods ยังมาพร้อม AAC-ELD ซึ่งเป็นตัวแปลงสัญญาณเสียงพูดที่เหนือชั้นเพื่อมอบคุณภาพเสียงระดับ Full HD การโทรแบบ FaceTime จึงฟังชัดเจนและเป็นธรรมชาติเสมอ
อีกทั้งยังใช้ระบบเสียงที่ประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์เพื่อนำประสบการณ์ล้ำสมัยที่ลูกค้าชื่นชอบบน AirPods Pro และ AirPods Max อย่าง EQ แบบปรับได้เองและระบบเสียงตามตำแหน่งพร้อมการติดตามศีรษะแบบไดนามิกมามอบให้กับผู้ใช้จำนวนมากขึ้น
และมาพร้อม Dolby Atmos ด้วยแล้ว บอกเลยว่า นี่จะเป็นเสียงที่ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่เคยได้ยินจาก AirPods ผู้ใช้ยังสามารถเพลิดเพลินกับประสบการณ์แบบหลายมิติด้วยการติดตามศีรษะแบบไดนามิกที่จะทำให้เพลง วิดีโอ และแม้แต่การโทร FaceTime แบบกลุ่มให้ความรู้สึกสมจริงยิ่งกว่าที่เคย
มีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ยาวนานกว่ารุ่นก่อนหน้า 1 ชั่วโมง โดยสามารถใช้ฟังได้นานสูงสุด 6 ชั่วโมงและสนทนาได้นานสูงสุด 4 ชั่วโมง การชาร์จเพียง 5 นาทีจะทำให้แบตเตอรี่ใช้งานได้นานประมาณ 1 ชั่วโมง และใช้ฟังได้นานสูงสุด 30 ชั่วโมง เมื่อชาร์จในเคสชาร์จอีก 4 รอบ3 และวันนี้ AirPods ยังเป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศ MagSafe เพื่อการชาร์จแบบไร้สายที่สะดวกสบายอีกด้วย
ราคาและการวางจำหน่าย
- AirPods (รุ่นที่ 3) จะวางจำหน่ายในราคา 6,790 บาท โดยจะวางจำหน่ายในเร็วๆ นี้
- AirPods (รุ่นที่ 2) จะวางจำหน่ายในราคาใหม่ที่ 4,990 บาท
- วันนี้ AirPods Pro มาพร้อมเคสชาร์จ MagSafe ในราคาเดิมที่ 8,992 บาท
- สมาชิกใหม่สามารถใช้ Apple Music ได้ฟรี 6 เดือน เมื่อซื้อ AirPods, AirPods Pro หรือ AirPods Max รุ่นใดก็ได้ 5
HomePod mini
เปิดตัว HomePod mini เคาะราคาขายประมาณ 3,300 บาท มีให้เลือก 5 สี ได้แก่ สีส้ม สีเหลือง และสีน้ำเงิน ทั้งนี้ วางขายในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน 2021 (เบื้องต้นยังไม่เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย)
MacBook Pro ใหม่ กับชิป M1 Pro หรือ Mi1 Max
ชิป M1 Pro และ M1 Max นำสถาปัตยกรรม System on Chip (SoC) มาอยู่ระบบระดับโปรเป็นครั้งแรก ชิปทั้งคู่มาพร้อมหน่วยความจำแบบรวมที่รวดเร็ว ประสิทธิภาพต่อวัตต์ชั้นแนวหน้าของอุตสาหกรรม และยังประหยัดพลังงานเป็นเยี่ยม รวมถึงมีแบนด์วิดท์และขนาดหน่วยความจำเพิ่มมากขึ้นด้วย
โดยที่ชิป M1 Pro มีแบนด์วิดท์หน่วยความจำสูงสุด 200GB/s และรองรับหน่วยความจำแบบรวมสูงสุด 32GB ส่วนชิป M1 Max มีแบนด์วิดท์หน่วยความจำสูงสุด 400GB/s หรือ 2 เท่าของชิป M1 Pro และเกือบ 6 เท่าของชิป M1 ทั้งยังรองรับหน่วยความจำแบบรวมสูงสุด 64GB
และเมื่อมีหน่วยความจำมากขนาดนี้จึงสามารถรับมือกับเวิร์กโฟลว์ที่เน้นกราฟิกหนักๆ อย่างที่ไม่เคยคิดว่าจะทำได้มาก่อนบนโน้ตบุ๊ก ในขณะที่แล็ปท็อป PC รุ่นล่าสุดมีหน่วยความจำกราฟิกสูงสุดแค่เพียง 16GB เท่านั้น นอกจากนี้สถาปัตยกรรมของชิป M1 Pro และ M1 Max ยังประหยัดพลังงานเป็นเยี่ยม
ชิป M1 Pro มี GPU สูงสุด 16 คอร์ ที่เร็วกว่าชิป M1 สูงสุด 2 เท่า และเร็วกว่ากราฟิกในตัวของชิปแล็ปท็อป PC รุ่นล่าสุดแบบ 8-core สูงสุด 7 เท่า1 ซึ่งเมื่อเทียบกับ GPU แบบแยกที่ทรงพลังสำหรับโน้ตบุ๊ก PC แล้ว ชิป M1 Pro ก็ยังมีประสิทธิภาพสูงกว่า ในขณะที่ใช้พลังงานน้อยกว่าสูงสุด 70%
นอกจากนี้ชิป M1 Pro ยังสามารปรับแต่งให้มีหน่วยความจำแบบรวมที่รวดเร็วได้สูงสุด 32GB พร้อมด้วยแบนด์วิดท์หน่วยความจำสูงสุด 200GB/s ช่วยให้ครีเอทีฟอย่างศิลปิน 3D และนักพัฒนาเกมสามารถทำอะไรๆ ได้มากยิ่งกว่าที่เคยจากทุกที่
ชิป M1 Max มาพร้อม CPU แบบ 10-core ที่ทรงพลังไม่ต่างจาก M1 Pro แต่มี GPU เพิ่มมาสูงถึง 32 คอร์ จึงมีประสิทธิภาพกราฟิกเร็วกว่าชิป M1 สูงสุด 4 เท่า
และชิป M1 Max ยังเป็นชิปที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่ Apple เคยสร้างมา ด้วยจำนวนทรานซิสเตอร์ 5.7 หมื่นล้านตัว หรือมากกว่าชิป M1 Pro ถึง 70% และมากกว่าชิป M1 ถึง 3.5 เท่า
นอกจากนี้ GPU ยังมีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับ GPU ระดับไฮเอนด์ในแล็ปท็อป PC ระดับโปรรุ่นขนาดกะทัดรัด แต่ใช้พลังงานน้อยกว่าสูงสุด 40% และมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ GPU ระดับไฮเอนต์รุ่นสูงสุดในแล็ปท็อป PC ขนาดใหญ่สุด
ในขณะที่ใช้พลังงานน้อยกว่าสูงสุด 100 วัตต์2 นั่นหมายความว่าความร้อนที่เกิดขึ้นก็น้อยลงไปด้วย ทำให้พัดลมหมุนเบาและไม่ต้องทำงานบ่อย แถมยังช่วยให้แบตเตอรี่ใน MacBook Pro ใหม่ใช้งานได้นานอย่างน่าทึ่งด้วย
และชิป M1 Max มีการเชื่อมต่อภายในชิปด้วยแบนด์วิดท์ที่สูงกว่า และมีอินเทอร์เฟซหน่วยความจำมากกว่าชิป M1 Pro ถึง 2 เท่า จึงมีแบนด์วิดท์สูงสุดที่ 400GB/s หรือเกือบ 6 เท่า เมื่อเทียบกับแบนด์วิดท์หน่วยความจำของชิป M1
จึงสามารถปรับแต่งหน่วยความจำแบบรวมที่รวดเร็วให้กับชิป M1 Max ได้สูงสุดถึง 64GB และเมื่อรวมกับประสิทธิภาพที่ยากจะหาใครเทียบ ชิป M1 Max จึงเป็นชิปที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยสร้างมาสำหนับโน้ตบุ๊กระดับโปร
ส่วน MacBook Pro รุ่นใหม่ทั้งหน้าจอ 14 นิ้ว กับ 16 นิ้ว ที่จะมาพร้อมกับชิป M1 Pro และ M1 Max นั้นก็ได้เผยราคาไทยออกมาแล้วสามารถเข้าไปดูได้ที่นี่ แต่กำหนดวางจำหน่ายนั้นต้องรอทาง Apple ประเทศไทยประกาศให้ทราบกันอีกครั้ง
นำเสนอข่าวโดย : TechThisTime
ที่มา : Apple